บริษัท โบ๊ท ลากูน ยอชต์ติ้ง จำกัด ผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่ายเรือยอช์ตระดับลักชัวรีที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยและในภูมิภาค ด้วยประสบการณ์กว่ำ 27 ปี โดยมีผลิตภัณฑ์และบริการเกี่ยวกับเรือยอช์ตครบวงจร เหมาะสำหรับทุกไลฟ์สไตล์ หลากหลายขนาดและรูปแบบ บริษัทฯให้บริการจำหน่ายเรือยอช์ตลำใหม่ และเรือยอช์ตมือสองจำกแบรนด์ระดับโลก ตอบสนองไลฟ์ สไตล์ทุกรูปแบบ อย่าง Princess, Jeanneauและ SACS ให้บริการเช่าเรือยอช์ต (Luxury Charter) และ ซุเปอร์ยอช์ตโดยการร่วมธุรกิจกับ Burgess โบรเกอร์ดังจากประเทศอังกฤษ การบำรุงรักษาเรือยอช์ต และงานบริการหลังการขายอื่น ๆ ในภูมิภาคตะวันออกเฉียงใต้เข้าร่วมงาน “Join Boat Platform” ซึ่งจัดขึ้นภายในงาน มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 38 (Motor Expo 2021) เพื่อส่งเสริมธุรกิจเรือครบวงจร ทั้งธุรกิจเรือยอช์ต มารีนา และยังเป็นศูนย์รวมผู้ที่ชื่นชอบเรือและกีฬำทางน้ำ ให้ได้มีโอกาสพบปะและส่งเสริมธุรกิจใน ประเทศไทย ในวันที่30 พฤศจิกายน -12 ธันวำคม 2564 ณ อิมแพคเมืองทองธานีอาคารชาเลนเจอร์ 3 บูท A2/ JB
โดยงานนี้ ทาง บริษัท โบ๊ท ลากูน ยอช์ตติ้ง ได้จัดแสดงโมเดลเรือยอช์ตรุ่นล่าสุด อย่าง Princess F62, Princess F55 และ F45, รุ่น Princess V Class เรือดีไซน์สปอร์ตที่มาพร้อมกับพื้นที่ใช้สอยระหว่างวัน อย่าง Princess V55, เรือมอเตอร์โบ๊ทสัญชาติฝรั่งเศส อย่าง Jeanneau รุ่นNC33 , Cap Camarat 10.5 WA และ Leader ทั้งนี้ลูกค้าสามารถนัดชมเรือที่พร้อมจำหน่ายอย่าง Jeanneauรุ่น NC 33 ราคา 13.5 ล้านบาท และ SACS Strider 11 ราคา 14.5 ล้านบาทได้ที่งานฯ พร้อมทีมงานที่ให้ข้อมูลการซื้อขาย เรือใหม่และเรือมือสอง รวมถึงการเช่าเรือส่วนตัวอย่างละเอียด
คุณวริศ ยงสกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท โบ๊ท ลากนู ยอช์ต ติ้ง จำกัด กล่าวว่า “ปี 2564 เป็นปีหนึ่งที่สำคัญของตลาดเรือยอช์ต และภาคพื้นธุรกิจมารีน่า เนื่องจากหน่วยงานภาครัฐและการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ให้ความสำคัญ ศักยภาพของ Luxury Segment อย่างเป็นรูปธรรมพร้อมแผนรองรับนักท่องเที่ยวในกลุ่มไฮเอนด์ อีก ทั้งกระตุ้นรายรับการท่องเที่ยวในกลุ่มท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศ อย่างโครงการ Phuket Sandbox โดยโครงการนี้มีส่วนช่วยให้ผู้ประกอบการการท่องเที่ยวในประเทศไทยสามารถทำงานควบคู่ ไปกับแผนรองรับวิกฤตการโควิดได้อย่ำงคล่องตัวมากขึ้น
ในปีนี้ถือว่าเป็นปีหนึ่งที่ท้าทายในธุรกิจเรือยอช์ตมากเช่นกัน จะเห็นได้ว่าที่ผ่านมากระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สมาคมธุรกิจเรือยอช์ตไทยผู้ประกอบการมารีน่า และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมไปถึงกรมเจ้าท่า ได้คิดแผนสนับสนุนประเทศไทย ทั้งใน ภูเก็ต กระบี่ พัทยา ให้เป็นศูนยกลางการท่องเที่ยวทางน้ำและเรือสำราญในภูมิภาคเอเซีย (Marina Hub of Asia) ตามนโยบายรัฐบาลโดยขยายระยะเวลาเรือยอช์ต ให้อยู่ในไทยได้ 2 ปี 6 เดือน และให้เรือซุปเปอร์ยอช์ต (ขนาดความยาวตั้งแต่ 30 เมตรขึ้นไป) เข้ามาชั่วคราว มาตรการนี้ช่วยสร้างรายได้ให้แก่ประเทศโดยการแวะท่องเที่ยวของเรือยอช์ตดังกล่าวยังก่อให้เกิดรายได้จำกการ เช่าที่มารีน่า การจ้างกัปตันและลูกเรือและธุรกิจท่องเที่ยวที่สืบเนื่อง อาทิ โรงแรม ร้านอาหาร รวมถึงการสร้างงานให้กับคนในพื้นที่อีกด้วย
สืบเนื่องจากปี 2563 จนปีนี้ลูกค้าเจ้าของเรือยอช์ต และกลุ่มลูกค้ำเช่าเรือส่วนตัวให้ความสนใจในไลฟ์สไตล์การล่องเรือและวิธีชีวิตใหม่ (New normal) ที่มีความเป็นส่วนตัวมากขึ้นทำให้ภาพรวมธุรกิจมีความเคลื่อนไหวไปในทางที่ดี โดยบริษัทฯ ได้รับการติดต่อสอบถามข้อมูลจากลูกค้า ทั้งการซื้อขายเรือทั้งรุ่นใหม่และเรือมือสอง การซ่อมแซมดูแลรักษาเรือ และการเช่าเรือท่องเที่ยวแบบส่วนตัว ในจังหวัด ภูเก็ต กระบี่ รวมไปถึง โซนภาคกลางอย่างพัทยาและกรุงเทพฯ ในแม่น้ำเจ้าพระยามากขึ้น ด้วยกระแสตอบรับที่ดีนี้ ทำให้บริษัทฯ เน้นการพัฒนาบุคคลากรในบริการทุกส่วนเพื่อตอบสนองความต้องการกลุ่มลูกค้าทุกกลุ่มอย่างคลอบคลุมและมีประสิทธิภาพอีกด้วย
โดยต้นปี 2565 ที่จะถึงนี้ ทางบริษัท โบ๊ท ลากูน ยอช์ตติ้ง จำกัด มีแผนการนำเข้าและเปิดตัวเรือรุ่นท๊อป ถึง 2 รุ่น อย่าง Princess X95 Superyacht เรือยอช์ตความยาวขนาด 96 ฟุต (30 เมตร) ซึ่งถือได้ว่าเป็นรุ่นธงของแบรนด์ Princess Yachts ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดเทียบเท่าเรือ Mega yacht ภายในตกแต่งหรูหรา เลย์เอาต์ถูกออกแบบให้เพิ่มพื้นที่กลางแจ้ง 10% เพิ่มเติมในส่วน Sky lounge Flybridge ด้านบนชั้น 2 เป็นพื้นที่ทำกิจกรรมกลางแจ้ง และเพิ่มพื้นที่ภายในเรือ (Galley) มากกว่ำ 40% พร้อมออพชั่นหรู อย่าง Jacuzzi หรือ โต๊ะรับประทำนอาหารบนชั้น 2 ของเรือที่รับรองได้ถึง 12 ที่นั่ง เรือลำนี้มีความจุเชื้อเพลิง 13,400 ลิตรเหมาะกับเจ้าของเรือที่ชื่นชอบการเดินทางไกล และใช้ชีวิตบนเรือเหมือนคฤหาสน์หรูลอยน้ำก็ว่าได้
อีกรุ่นที่จะเปิดตัวภายในต้นปีหน้าคือ Princess Y72 เรือความยาว 75 ฟุต (23 เมตร) ซึ่งทำการเปิดตัวระดับโลกไปแล้วที่ Cannes Yachting Festival 2021 ที่ผ่านมา เรือรุ่นนี้ถูกออกแบบให้มีพื้นที่ใช้สอยที่กว้างขึ้น คุณสมบัติการออกแบบเทียบได้กับเรือยอช์ Y Class ที่ใหญ่กว่ารุ่น Y class ได้รับความนิยมอย่างดีในกลุ่มลูกค้าเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ด้วยขนาดและพื้นที่ใช้สอยที่กว้างขวาง บวกกับความหรูหราในการออกแบบ ทำให้เรือรุ่นนี้เหมาะกับความต้องการของลูกค้าเอเชียเป็นอย่างมาก โดยมีความมั่นใจว่า เรือรุ่นใหม่ที่มีความแตกต่างที่กำลังจะมาถึงประเทศไทย 2 รุ่นนี้ ต้องได้รับควำมสนใจจากกลุ่มลูกค้าเป็นอย่างมากแน่นอน
ตามที่กล่าวมาข้างต้นนั้น จึงเล็งเห็นว่าน Join Boat Platform เป็นอีกงานสำคัญปิดท้ายปลายปี 2564 เป็นโอกาสได้จัดแสดงบูท และพูดคุยให้ข้อมูลเรือกับกลุ่มผู้ที่ชื่นชอบเรือทั้ง เรือยอช์ต มอเตอร์โบ๊ท และเรือริป (RIB) รวมไปถึงลูกค้าที่กำลังหาทริปท่องเที่ยวและเช่าเรือในช่วงปีใหม่นี้
ปัจจุบัน โบ๊ทลากูนยอช์ตติ้ง มีเรือยอช์ตกว่ำ 200 ลำที่ลูกค้าใช้งานอยู่ทั่วภูมิภาค และมีศูนย์ซ่อมและบำรุงรักษาเรือยอช์ตของบริษัทบนเนื้อที่ 80 ไร่เพียบพร้อมไปด้วยเทคโนโลยีด้านการซ่อมบำรุงที่ทันสมัย มีทีมวิศวกรเฉพาะทางชาวต่างชาติ และทีมบริการมากประสบการณ์กว่ำ 80 คน บริษัท โบ๊ทลำกูนยอช์ตติ้ง มีสาขา 9 แห่ง ครอบคลุม 5 ประเทศ คือสาขาปีนัง ประเทศมาเลเซีย สาขาจาการ์ต้า ประเทศอินโดนีเซีย สาขาสิงคโปร์ สาขามัลดีฟส์ และ 5 สาชาในประเทศไทย คือ ภูเก็ต พัทยา กรุงเทพฯ สมุย และกระบี่
สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดข้อมูลเพิ่มเติม และนัดหมายเข้าชมหรือทดลองเรือ Jeanneau NC 33 ในระหว่างงาน “Join Boat Platform” ได้ที่อีเมลล์ info@boatlagoonyachting.com หรือ โทร 076239739 และ 090-59-59-59-7