เบนท์ลีย์ มูลินเนอร์ คืนชีพ รถแข่งในตำนานรุ่น Speed Six ให้กลับมาโลดแล่นอีกครั้งด้วยเลขซีรีส์ใหม่สำหรับรถแข่งสุดเอ็กซ์คลูซีฟจำนวน 12 คัน แต่ละคันจะมีลักษณะเฉพาะทางกลไกและความสง่างามในแบบฉบับของรถแข่งเบนท์ลีย์ที่ชนะการแข่งขันในรายการ Le Mans ปี 2472 และ 2473 โดยรังสรรค์ขึ้นเพื่อเป็นเกียรติแก่ความสำเร็จในอดีต และ เพื่อเป็นการพัฒนาทักษะของช่างฝีมือและการเก็บรักษามรดกจากเบนท์ลีย์ มูลินเนอร์ ซึ่งโครงการรถแข่งรุ่น Speed Six ใหม่จะกลายเป็นโครงการที่สองของรถแข่งช่วงก่อนสงครามโลก หลังจากโครงการของรถแข่งรุ่น Blower ซึ่งทั้งสองถูกรังสรรค์ขึ้นโดย เบนท์ลีย์ มูลินเนอร์
รถแข่งรุ่น Speed Six ที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในยุคนั้น ถือได้ว่าเป็นหนึ่งในรถแข่งของเบนท์ลีย์ที่สำคัญที่สุดในประวัติศาสตร์รุ่นหนึ่ง โดยไม่เพียงแต่แสดงให้เห็นถึงสมรรถนะที่เหนือชั้นเท่านั้น แต่ยังเป็นการพิสูจน์แนวคิดของรถยนต์แกรนด์ทัวเรอร์ที่มาพร้อมสมรรถนะ แต่ยังคงความสะดวกสบายและความหรูหรา ซึ่งตอบโจทย์การขับขี่ในระยะทางไกล และเพื่อเป็นแนวทางในการพัฒนารถยนต์เบนท์ลีย์มาจนถึงปัจจุบัน
Speed Six ทั้ง 12 คันได้รับการออกแบบและพัฒนาโดยทีมผู้เชี่ยวชาญจาก เบนท์ลีย์ มูลินเนอร์ เช่นเดียวกันกับที่รังสรรค์ในโครงการ Blower Continuation Series ซึ่งถือเป็นโครงการแรกของการรังสรรค์อัครยนตรกรรมช่วงก่อนสงคราม โดย เบนท์ลีย์ ‘โบลเวอร์’ กับเครื่องยนต์ขนาด 4½ ลิตร ใหม่ 12 คันที่ได้รับคำชมเชยนี้ ครอบครองโดย Team Car #2 ของเบนท์ลีย์ในปี 2472 ซึ่งถือเป็นรถแข่งเบนท์ลีย์ที่โด่งดังและมีค่าที่สุดของโลกควบคู่ไปกับรถแข่งรุ่น Speed Six ในปี 2473 โดยทั้ง 12 คันถูกจับจองในทันที เช่นเดียวกับโครงการของรถแข่งรุ่น Speed Six ใหม่ ทั้ง 12 คันก็ถูกจองโดยลูกค้าผู้โชคดีจากทั่วโลกเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ทีมงานจากเบนท์ลีย์ มูลินเนอร์จะได้รับการสนับสนุนอีกครั้งโดยช่างฝีมือผู้เชี่ยวชาญด้านรถยนต์คลาสสิกทั่วสหราชอาณาจักรด้วยการส่งมอบชิ้นส่วนของรถยนต์ที่ผลิตขึ้นมาใหม่ ที่บางชิ้นส่วนถูกผลิตขึ้นด้วยการใช้เทคนิคเดียวกันกับที่ใช้ผลิตชิ้นส่วนในทศวรรษที่ 1920 ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการทำให้โครงการนี้สำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี
รถแข่งรุ่น Speed Six
รถแข่งเครื่องยนต์ขนาด 6½ ลิตร สมรรถนะสูง รุ่น Speed Six กลายเป็นรถแข่งของเบนท์ลีย์ที่ประสบความสำเร็จมากที่สุด โดยชนะการแข่งขันในรายการ Le Mans ในปี 2472 และ 2473 ด้วยฝีมือการขับขี่ของ Woolf Barnato, Sir Henry ‘Tim’ Birkin และ Glen Kidston
รถแข่งรุ่น Speed Six ได้รับการพัฒนาจากรถแข่งของเบนท์ลีย์ขนาด 6½ ลิตรในปี 2469 W.O. Bentley เชื่อว่าการเพิ่มสมรรถนะคือการเพิ่มความจุของเครื่องยนต์ ซึ่งตรงกันข้ามกับความเชื่อของ Tim Birkin ในการอัดบรรจุอากาศ ดังนั้นเขาจึงพัฒนาเครื่องยนต์แบบใหม่ให้มีขนาดที่ใหญ่ขึ้น ซึ่งมีความจุเกือบ 6.6 ลิตร เพื่อทดแทนเครื่องยนต์ขนาด 4½ ลิตร โดยตัวรถได้ถูกประกอบขึ้นกว่า 362 คันที่โรงงานของเบนท์ลีย์ใน Cricklewood ทางตอนเหนือของกรุงลอนดอน
ตัวถังของรถแข่งรุ่น Speed Six เปิดตัวในปี 2471 ซึ่งถือเป็นรถยนต์สปอร์ตขนาด 6½ ลิตร โดยเครื่องยนต์ได้รับการปรับปรุงเพื่อให้ผลิตพละกำลังได้มากขึ้น โดยมีชุดคาร์บูเรเตอร์เอสยูคู่ที่มอบอัตราการบีบอัดที่สูงขึ้น และเพลาลูกเบี้ยวประสิทธิภาพสูง ซึ่งช่วยเพิ่มแรงม้าได้ถึง 180 แรงม้า ตัวถังของรถแข่งรุ่น Speed Six มีให้เลือกสำหรับลูกค้าด้วยความยาวฐานล้อ 138 นิ้ว (3,505 มม.), 140.5 นิ้ว (3,569 มม.) และ 152.5 นิ้ว (3,874 มม.) ซึ่งตัวถังแบบสั้นถือได้ว่าเป็นที่นิยมมากที่สุด
รถแข่งรุ่น Speed Six มีความยาวฐานล้อ 11 ฟุต (132 นิ้ว; 3,353 มม.) และ เครื่องยนต์ที่ได้รับการพัฒนาเพิ่มขึ้น ซึ่งมีอัตราส่วนการอัดอยู่ที่ 6.1:1 และ ได้รับการพัฒนาให้มอบพละกำลังได้ถึง 200 แรงม้า โดยชัยชนะทั้งสองครั้งในรายการ Le Mans ในปี 2472 และปี 2473 ช่วยทำให้รถแข่งรุ่น Speed Six ถูกจารึกไว้ในหน้าประวัติศาสตร์ของเบนท์ลีย์ได้สำเร็จ และ ได้สร้างมาตรฐานใหม่สำหรับการแข่งขัน โดย รถแข่งรุ่น Speed Six ซึ่งมี Woolf Barnato และ Sir Henry ‘Tim’ Birkin เป็นนักแข่งนำตั้งแต่รอบแรกจนได้รับชัยชนะ ตามมาด้วยขบวนรถแข่งเบนท์ลีย์อีกสามคัน โดย Birkin ได้ทำลายสถิติรอบใหม่ที่ 7:21 โดยใช้เวลาเพียง 46 วินาทีจากช่วงเวลาที่ดีที่สุดก่อนหน้านี้และใช้ความเร็วเฉลี่ย 83 ไมล์ต่อชั่วโมง ครอบคลุม 2,844 กม. ซึ่งก็สามารถทำสถิติระยะทางได้เช่นกัน
คืนชีพรถแข่งในตำนาน
สำหรับการส่งมอบรถแข่งรุ่น Speed Six ใหม่ จำนวน 12 คันกับการออกแบบที่สมจริงเช่นในปี 2472 และ 2473 นั้น ทีมงาน Bentley Mulliner ได้รังสรรค์โมเดลแบบ 3D CAD ขึ้นเป็นครั้งแรกจากทั้งพิมพ์เขียวและการวิเคราะห์รายละเอียดของตัวถังรถยนต์
Speed Six ทะเบียน “Old Number 3” ถือเป็นครั้งที่ 3 ของรถแข่งรุ่น Speed Six ทั้ง 3 คัน ที่เบนท์ลีย์ส่งเข้าแข่งขันในรายการ Le Mans ในปี 2473 ถึงแม้จะเป็นการแข่งขันที่หฤโหด แต่ก็ผ่านพ้นมาจากการทดสอบและได้รับการบูรณะไว้เป็นอย่างดีนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา Old Number 3 ยังคงสามารถโลดแล่นบนท้องถนนในทุกวันนี้และได้เป็นแรงบันดาลใจในการรังสรรค์อัครยนตรกรรมในปัจจุบัน
นอกเหนือจาก Speed Six ทะเบียน Old Number 3 แล้ว Speed Six ทะเบียน GU409 ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของคอลเลกชั่นอัครยนตรกรรมคลาสสิกของเบนท์ลีย์ ได้ถือเป็นรถยนต์ในปี 2472 ที่มีตัวถังแบบ Vanden Plas สี่ที่นั่งเช่นเดียวกับแบบดั้งเดิมและได้รับการบูรณะเช่นเดียวกับ Old Number 3 รถแข่งรุ่น Speed Six ทะเบียน GU409 ได้มอบมาตรฐานในด้านสมรรถนะและข้อมูลการจัดการสำหรับโครงการรถยนต์คลาสสิคของเบนท์ลีย์
สำหรับรถแข่งรุ่น Speed Six คันแรกในรอบ 92 ปีจะถูกประกอบขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ และจะใช้เพื่อการทดสอบด้านวิศวกรรมและการพัฒนายานยนต์สำหรับโครงการนี้
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ติดต่อ เบนท์ลีย์ แบงค็อก โดย บริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด โทร. 080-925-9999 หรือ 02-261-1050 LINE Official Account: @bentleybangkokaas คลิก https://lin.ee/4JOaZyE8V